วันที่ 14 ก.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนจากชุมชนหลายแห่งรวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้าชมรถกำจัดหมอกควันเคลื่อนที่ต้นแบบ ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) จ.เชียงใหม่ นำมาเปิดตัวในโครงการการพัฒนาแนวทางการผลิตและประยุกต์ใช้ถ่านชีวภาพจากวัสดุการเกษตรเพื่อเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับถ่านหิน โดยรถคันนี้จะเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาเป็นถ่านชีวภาพ ลดปัญหาด้านการเผาในที่โล่ง ปัญหาหมอกควัน และยังลดค่าก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าเดิมถึง 4 เท่า

รองศาสตราจารย์ ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยว่า ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นในเขตภาคเหนือตอนบนเป็นประจำทุกปี เกิดจากการเผาวัสดุเหลือใช้จากการเกษตรในที่โล่งแจ้ง ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศในปริมาณมาก ทั้งในรูปของการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และก๊าซพิษอื่นๆ ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กสู่ชั้นบรรยากาศ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงมีการศึกษาวิจัยการนำวัสดุทางการเกษตรไปใช้ประโยชน์ ในรูปของเชื้อเพลิงพลังงานร่วมกับถ่านหิน

กระบวนการคือ นำซังข้าวโพดไปผ่านการแปรรูปด้วยกระบวนการไพโรไลซิส เป็นกระบวนการสลายตัวด้วยความร้อนในสภาวะไร้อากาศในช่วงอุณหภูมิสูงประมาณ 600-800 องศาเซลเซียส กลายเป็นถ่านชีวภาพที่อุดมไปด้วยคาร์บอน สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ โดยมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับถ่านหิน แต่ปล่อยมลพิษที่ต่ำกว่าการใช้ถ่านหิน ขณะที่ถ่านชีวภาพยังมีโพรงออกซิเจนภายในนำไปบดย่อยใช้ปรับปรุงคุณภาพดินได้อีกด้วย

ดังนั้น การผลิตถ่านชีวภาพจึงเป็นกระบวนการผลิตที่ให้คุณค่าทั้งทางด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาภาวะโลกร้อน และยังเป็นพลังงานทดแทนรูปแบบใหม่ที่สะอาด ลดการนำเข้าด้านพลังงานได้ในอนาคต

สำหรับรถต้นแบบที่สร้างขึ้นมา เนื่องมาจากพื้นที่ปลูกข้าวโพดในจังหวัดเชียงใหม่มักอยู่บนที่ราบเชิงเขาและหุบเขา โดยเฉพาะ อ.แม่แจ่ม จึงเป็นอุปสรรคต่อการขนย้ายวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรออกจากพื้นที่ จึงมีการสร้างต้นแบบระบบผลิตถ่านชีวภาพที่สามารถเคลื่อนที่ได้ จนสำเร็จเป็น “รถกำจัดหมอกควัน” ที่สามารถเข้าไปจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรหลังการเก็บเกี่ยวได้ถึงแหล่งกำเนิด และสามารถแปรรูปออกมาเป็นถ่านชีวภาพอัดเม็ดที่มีค่าความร้อนสูงเทียบเท่าถ่านหินได้ โดยระบบการผลิตถ่านชีวภาพบน “รถกำจัดหมอกควัน” ที่ได้ออกแบบให้สามารถรองรับชีวมวลได้อย่างน้อย 3 ชนิด ทั้งซังข้าวโพด ไม้สับ และเหง้ามันสำปะหลัง สามารถรองรับปริมาณชีวมวลได้ 50 กิโลกรัมต่อชั่วโมง

นายธนศักดิ์ ศิริจันทร์ วิศวกรโครงการฯ บอกว่า รถคันนี้สามารถแปรรูปซังข้าวโพดเป็นถ่านชีวภาพได้กว่า 600 กิโลกรัมต่อวัน มีต้นทุนการผลิตราว 10 – 12 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากนี้จะมีการวิจัยต่อยอดเพื่อลดต้นทุนของกระบวนการผลิตเพื่อให้ชุมชนและหน่วยงานอื่นๆ สามารถนำไปใช้จริง

ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://workpointtv.com