facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 820

เตือนภัยหายนะโลกร้อน

11 พ.ย. 58

ปัญหาโลกร้อน นับวันจะวิกฤติมากขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า หากโลกร้อนขึ้นแค่ 2 องศาฯ จากก่อนยุคอุตสาหกรรมจะทำให้มหานครทั่วโลกต้องจมน้ำ กระทบประชากร 280 ล้านชีวิต ส่วนระดับก๊าซเรือนกระจกเมื่อปีที่แล้วทุบสถิติใหม่

AFP รายงานอ้างผลการศึกษาขององค์กรเอกชน Climate Central จากสหรัฐว่า การศึกษาผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่มีต่อระดับน้ำทะเลทั่วโลกชี้ว่า เพียงแค่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นจากค่าเฉลี่ยสมัยก่อนยุคอุตสาหกรรมเพียง 2 องศาฯ จะทำให้ผืนแผ่นดินปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ กระทบต่อชีวิตประชากรโลก 280 ล้านคน แต่หากอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 4 องศาฯ น้ำจะท่วมพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 600 ล้านคน โดยมหานครและเมืองใหญ่ของโลกหลายแห่งจะจมน้ำ หากอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น 2-4 องศาฯ ไม่ว่าจะเป็นมหานครนิวยอร์ก มุมไบ เซี่ยงไฮ้ และอีกหลายเมือง และประเทศที่จะมีมหานครได้รับผลกระทบมากที่สุด หากอุณหภูมิสูงขึ้น 4 องศาฯ ก็คือ จีน ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ริมชายฝั่งถึง 145 ล้านคน โดยมีมหานครของจีน 4 เมือง ติดใน 10 อันดับแรก เมืองที่ประสบหายนะหนักสุด ได้แก่ นครเซี่ยงไฮ้ เทียนจิน ฮ่องกง และไท่โจว ส่วนประเทศอื่นที่มหานครเสี่ยงจมน้ำเช่นกัน ได้แก่ สหรัฐ อินเดีย เวียดนาม บังกลาเทศ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อียิปต์ และบราซิล

รายงานฉบับนี้ระบุว่า วิธีที่ได้ผลที่สุดในการลดภาวะโลกร้อน คือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกัน องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) แถลงว่า ความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศโลกเมื่อปีที่แล้วพุ่งสูงทำสถิติใหม่ โดยอยู่ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้มาก่อนในรอบ 8 แสน หรืออาจจะ 1 ล้านปี ซึ่งนั่นย่อมหมายถึง เรากำลังอยู่ในดินแดนที่มนุษยชาติไม่เคยพบเจอมาก่อน

คำเตือนใหม่ที่ออกมาพร้อมกันนี้ ประจวบกับช่วงเวลาที่รัฐมนตรีพลังงานและสิ่งแวดล้อมจากหลายประเทศทั่วโลกประชุมกันที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เพื่อหาทางจัดทำข้อตกลงแก้ปัญหาโลกร้อนฉบับใหม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถลงนามกันได้ระหว่างการประชุมสุดยอดของสหประชาชาติ ที่กรุงปารีส วันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคมนี้ โดยประเด็นที่ยังติดขัดและเป็นข้อโต้แย้งกันมานาน คือ การแบ่งภาระอย่างยุติธรรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศต่างๆ และการชดเชยด้านการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนา

สำหรับการประชุมครั้งนี้จะมีบรรดาผู้นำโลกจากประเทศมหาอำนาจเข้าร่วมประชุมอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย รวมถึงนายนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดีย แสดงให้เห็นว่า ประเทศยักษ์ใหญ่เหล่านี้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง ส่วนการประชุมจะได้ข้อตกลงอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันหรือไม่ ต้องรอดู


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.tnamcot.com