บรรดาผู้นำจากหลายชาติได้เริ่มการประชุม G7 ในวันศุกร์ (26 พ.ค.) ที่เกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี โดยคาดว่าจะเกิดการขัดแย้งกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับผู้นำชาติอื่นๆ ในประเด็นด้านการค้าและเรื่องโลกร้อน
การประชุมซึ่งจะมีขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ที่โรงแรมริมหน้าผาแห่งหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ ทรัมป์ได้ต่อว่าเหล่าชาติสมาชิกนาโต เรื่องควักเงินจ่ายกันเพียงน้อยนิดในด้านการป้องกันประเทศ ทั้งยังต่อว่าการได้ดุลการค้าของเยอรมนีว่าเป็นสิ่งที่แย่มากๆ ในการประชุมกับอียูที่บรัสเซลส์
หลังจากได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นที่ซาอุดีอาระเบีย และอิสราเอล ท่าทีคาดคั้นอย่างก้าวร้าวของทรัมป์ที่มีต่อบรรดาพันธมิตรในยุโรปที่คบหากันมานาน ทำให้บรรยากาศหม่นหมองเข้าปกคลุมการประชุม G7 ในเมืองทาออร์มินา ซึ่งเหล่าผู้นำจะหารือเรื่องก่อการร้าย ซีเรีย เกาหลีเหนือ และเศรษฐกิจโลกกันที่นั่น
“ไม่ต้องสงสัยเลย นี่จะเป็นการประชุม G7 ที่มีความท้าทายมากที่สุดในรอบหลายปี” โดนัลด์ ทัสก์ อดีตนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ผู้เป็นประธานการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุม G7
ด้านที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว “แกรี คอห์น” ได้ทำนายว่าจะมีการถกกันอย่างหนักในเรื่องการค้าและเรื่องโลกร้อน
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังจากหาเสียงด้วยนโยบายไม่เอาหลักการหลายอย่างที่กลุ่ม G7 ให้ความสำคัญ เช่น การค้าเสรี, เรื่องโลกร้อน ฯลฯ
บรรดาผู้นำยุโรป อาทิ นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศส ต่างก็หวังจะใช้การประชุมครั้งนี้ทำการโน้มน้าวทรัมป์ให้มีท่าทีอ่อนลง
อย่างไรก็ตาม บรรดานักการทูตต่างก็ยอมรับว่า การประชุมครั้งนี้เริ่มขึ้นในช่วงที่อเมริกาไม่ค่อยอยากจะเคลื่อนไหวอะไรมากนัก นั่นเท่ากับว่าแถลงการณ์ปิดท้ายการประชุมอาจจะอ่อนลงอย่างแน่นอน หากนำไปเทียบกับแถลงการณ์การประชุมครั้งก่อนที่ญี่ปุ่น
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.manager.co.th