ผลวิจัยล่าสุดระบุว่า เมืองชายฝั่งทั่วโลกจะจมอยู่ใต้น้ำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ภายในปี 2045
นักวิจัยชาวอเมริกันและออสเตรเลียตีพิมพ์ผลงานวิจัยล่าสุดลงในนิตยสารวิชาการพลอส วัน ว่าเมืองชายฝั่งทะเลทั่วโลกจะจมอยู่ใต้น้ำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ภายในปี 2045 โดยเฉพาะชายฝั่งบริเวณมิด-แอตแลนติกของสหรัฐฯ (มลรัฐนิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย นิวเจอร์ซีย์ เดลาแวร์ และแมรีแลนด์) เนื่องจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น บวกกับปรากฏการณ์ที่พื้นทวีปจมลงจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา
ผลวิจัยได้ยกตัวอย่างว่า มลรัฐวอชิงตันจะเจอคลื่นสูงซัดจนจมน้ำทุกปีประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ใกล้ช่วงคืนพระจันทร์เต็มดวงและคืนเดือนมืด ซึ่งปัจจุบัน เมืองชายฝั่งในมลรัฐวอชิงตันก็มักประสบภัยน้ำท่วมอย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือนจนถนนตัดขาด และบ้านเรือนเสียหายอยู่แล้ว
ผลวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นคำเตือนว่า ภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้น จนน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกละลายเร็วขึ้น และน้ำที่อุณหภูมิสูงขึ้นก็จะมีปริมาตรที่สูงกว่าน้ำเย็น ทำให้จากเดิมที่คาดการณ์ว่า น้ำท่วมรุนแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นปลายศตวรรษที่ 21 แต่กลับจะเกิดขึ้นในอีกสิบกว่าปีข้างหน้าเท่านั้น
ผู้จัดทำวิจัยแนะนำว่า ภาครัฐควรศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาและระดับน้ำที่สูงขึ้น เรื่อยๆ เพื่อเตรียมรับมือกับช่วงน้ำขึ้น และคลื่นที่จะสูงขึ้นและซัดเข้าทำลายแนวชายฝั่งบ่อยขึ้น รวมถึงให้ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณเสี่ยงน้ำท่วม ได้รับข้อมูลที่แม่นยำสำหรับการตัดสินใจว่า จะจัดการกับพื้นที่ดังกล่าวอย่างไรบ้าง
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://news.voicetv.co.th