จากการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ของประเทศไทยตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12(พ.ศ.2560 - 2564) มียุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาหลายด้านที่เกี่ยวโยงกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยมียุทธศาสตร์ข้อหนึ่งระบุชัดเจนในเรื่องการปรับกระบวนทัศน์การพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศเพื่อเตรียมพร้อมไปสู่การเป็นเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่าและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไว้4 ด้าน ซึ่งด้านหนึ่ง คือ ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Growth) ได้ระบุให้มีการก่าหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้ด้วย โดยประเด็นส่าคัญของการแปลงยุทธศาสตร์เรื่องสังคมคาร์บอนต่าไปสู่การปฏิบัติคือ ควรก่าหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับใดที่เหมาะสมที่มีทั้งประสิทธิภาพในการช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อน มีความเป็นธรรมต่อสิทธิในการพัฒนาประเทศ และต้องมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนเมืองที่มีการขยายตัวขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศในอัตราที่สูงตามอัตราการขยายตัวของเมือง ดังนั้นการก่าหนดแนวทางการด่าเนินงานและปรับตัวของทั้งองค์กรภาครัฐและองค์กรภาคเอกชนเพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายที่ก่าหนดขึ้น

               องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ตระหนักถึงความส่าคัญในเรื่องดังกล่าว และได้ด่าเนินการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สามารถจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการส่งเสริมการจัดท่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองลดคาร์บอน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554 – 2562 โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมโครงการแล้วจ่านวนทั้งสิ้น 180 แห่ง นอกจากนี้ อบก.ยังได้ขยายผลโดยพัฒนาเครื่องมือค่านวณเพื่อรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกระดับเมือง (City Carbon Footprint) ขึ้นในปีงบประมาณ 2557 เพื่อใช้เป็นแนวทางส่าหรับการรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกระดับเมือง ตลอดจนถึงปีงบประมาณ 2561 โดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งสิ้นจ่านวน 94 แห่ง

               ด้วยการสนับสนุนจาก อบก. เพื่อให้เกิดการด่าเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2563 จึงได้ด่าเนินการโครงการ “การส่งเสริมการจัดท่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” โดยว่าจ้างที่ปรึกษาหน่วยวิจัยเพื่อการจัดการพลังงานและเศรษฐนิเวศ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้รับผิดชอบหลักของโครงการฯ ด่าเนินการศึกษาโครงการฯ ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งในระดับเทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลต่าบล