facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 1303

โตโยต้า จับมือ ซูซูกิ พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์แห่งอนาคต

07 ก.พ. 60

ผู้ผลิตรถยนต์ "โตโยต้า" และ "ซูซูกิ" ซึ่งได้เคยหารือการเป็นพันธมิตรร่วมกันเมื่อเดือนตุลาคม ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ทั้งสองบริษัทได้ประกาศการลงนามบันทึกความตกลงที่จะทำงานร่วมกันในด้านระบบนิเวศและเทคโนโลยีความปลอดภัย ซึ่งเป็นเซ็กเตอร์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมรถยนต์

ทั้งนี้ ยังมีการเผยว่า ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีข้อมูล และการเป็นซัพพลายชิ้นส่วนอุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ของกันและกัน อาจจะเป็นขั้นตอนต่อไปของโปรเจ็กต์ความร่วมมือพิเศษในอนาคตระหว่างสองยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์

ทั้งนี้โตโยต้าเป็นผู้ผลิตที่มีความชำนาญในด้านรถยนต์ซีดานเช่น แคมรี และรถยนต์ไฮบริด ส่วนซูซูกิ จะมีความถนัดในด้านการผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก โดยปัจจุบันซูซูกิยังไม่มีการผลิตรถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์อิเล็คทริกออกมา รวมถึงรถยนต์ไร้คนขับซึ่งกำลังขยายตัวในอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างรวดเร็ว

การร่วมมือกันในครั้งนี้เกิดจากความตระหนักที่ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตมีค่าใช้จ่ายสูงโดยการจับมือทำงานร่วมกันนั้นจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้มาก ทั้งนี้ทั้งสองบริษัทต่างกระตุ้นให้ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ เข้าร่วมการเป็นหุ้นส่วนนี้ด้วย

ประธานบริษัทของโตโยต้า "อะกิโอะ โทโยดะ" กล่าวขอบคุณซูซูกิผ่านแถลงการณ์ ที่ซูซูกิให้โอกาสในการทำงานร่วมกัน เขารู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ซูซูกิเป็นองค์กรที่มีจิตวิญญาณแห่งความท้าทาย โตโยต้าตั้งใจจะเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างยิ่ง

ขณะที่ประธานบริษัทซูซูกิ "โอซามุ ซูซูกิ" ได้กล่าวว่า ตอนนี้โตโยต้าและซูซูกิได้อยู่ที่จุดออกตัวเพื่อเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ด้านความร่วมมืออย่างเข้มแข็ง ทางซูซูกิอยากมอบความพยายามเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่มีร่วมกัน เพื่อให้โตโยต้ามั่นใจว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกทำงานร่วมกันซูซูกิ

ทั้งนี้ ซูซูกิได้พยายามโน้มน้าวโตโยต้าให้ร่วมงานด้วยกันมานานนับปี ด้วยโตโยต้าเป็นผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ก๊าซและไฮบริด เช่น พริอุส และยังมีโครงการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิงและไฟฟ้าอีกด้วย ซึ่งตอบสนองต่อมาตรการโลกในปัจจุบันที่สร้างความตระหนักด้านหลักเกณฑ์การปล่อยก๊าซมลพิษ ท่ามกลางภาวะโลกร้อนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.prachachat.net