เห็นข่าวว่ามีผู้คนปลาบปลื้มดีใจกันมากที่ผลการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ COP21 ในกรุงปารีส ผ่านความเห็นชอบร่างข้อตกลงว่าด้วยการลดก๊าซเรือนกระจกฉบับสมบูรณ์แล้ว ก็เลยอยากติงว่า ผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจริงนั้น ยังไม่เห็นในเร็ววันหรอก
ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ดังกล่าวซึ่งถูกเรียกว่า ข้อตกลงปารีส วัตถุประสงค์ของข้อตกลงนี้ก็คือ เพื่อฉุดรั้งให้อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นของโลก อยู่ในระดับ ต่ำลงไปกว่า (well below) 2 องศาเซลเซียส เหนือระดับอุณหภูมิโลกในช่วงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งก็คือไม่เพียงแค่ประคับประคองอย่าให้อุณหภูมิร้อนเกิน 2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่จะต้องพยายามทำให้ต่ำลงไปกว่านั้น อีกทั้งควรต้องพยายามหาทางทำให้ร้อนขึ้นมาเพียงแค่ 1.5 องศาเซลเซียส หากสามารถกระทำได้
ข้อตกลงระบุว่า โลกจะตั้งจุดมุ่งหมายทำให้การปล่อยไอเสียก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ อยู่ในระดับสูงสุด โดยเร็วที่สุดที่จะทำได้ ต่อจากนั้นก็จะทำให้มี การลดต่ำลงมาโดยเร่งด่วน เมื่อถึงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษนี้ จะต้องบังเกิดความสมดุลระหว่างการปล่อยไอเสียที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ เป็นต้นว่า การผลิตพลังงานและการทำการเกษตร กับปริมาณไอเสียที่ แหล่งดูดซับ คาร์บอนต่างๆ เป็นต้นว่า ป่าไม้ หรือ เทคโนโลยีเก็บกักคาร์บอน สามารถเก็บกักเอาไว้ได้
ประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ที่สร้างมลพิษมายาวนานกว่า ควรที่จะแสดงตนเป็น ผู้นำ ด้วยการดำเนินมาตรการต่างๆ ในการตัดลดไอเสียอย่างเต็มที่ สำหรับพวกชาติกำลังพัฒนาที่ยังจำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล อย่าง ถ่านหิน, น้ำมัน, แก๊ส เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าสำหรับให้ประชากรที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นได้ใช้สอยนั้น จะได้รับการสนับสนุนให้เพิ่มพูนความพยายามของพวกตนในการตัดลดการปล่อยไอเสียคาร์บอน และทำการตัดลดได้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป แต่ข้อตกลงนี้จะยังไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ
ปัญหาแรกคือ รัฐสภาของทุกประเทศที่ลงนามข้อตกลงนี้ จะต้องให้ความเห็นชอบ ข้อตกลงปารีส นี้เสียก่อน หลังจากนั้นประเทศต่าง ๆ จึงลงสัตยาบัน ซึ่งต้องมีอย่างน้อย 55 ประเทศให้สัตยาบัน และประเทศเหล่านั้นต้องมีอัตราปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันคิดเป็น 55% ของโลกขึ้นไป ข้อตกลงจึงจะมีผลบังคับใช้
ถ้ารัฐสภาของประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาก ๆ เบี้ยวขึ้นมา ไม่ยอมให้ความเห็นชอบรับรอง ข้อตกลงปารีส มันก็อาจจะไม่มีผลบังคับใช้ ปัญหาข้อต่อมาคือ ถึงแม้จะมีผลบังคับใช้ แต่ก็มีข้อผูกมัดทางกฎหมายเพียงนิดหน่อย เช่น การส่งเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการทบทวนเป้าหมายดังกล่าวเป็นประจำ แต่ไม่กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่แต่ละประเทศจะต้องทำให้ได้ ซึ่งถ้าประเทศใดไม่ทำ หรือทำไม่ได้ตามเป้า สหประชาชาติจะทำอะไรเขาได้ ?
ปัญหาข้อที่สามคือเรื่องเงินที่ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาก ๆ ก็จะต้องควักเงินลงขันมาก โดยระบุว่าความช่วยเหลือทางการเงินปีละ 100,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งพวกประเทศร่ำรวยได้เคยให้สัญญาเอาไว้ว่าจะรวบรวมให้ครบภายในปี 2020 นั้น ข้อตกลงนี้จะถือว่าเป็น ระดับต่ำสุด โดยจะต้องมีการปรับเพิ่มตัวเลขนี้ภายในปี 2025 แต่ถ้าเขาไม่จ่าย หรือประวิงเวลาไปเรื่อย ๆ สหประชาชาติจะทำอะไรเขาได้ ? เพราะข้อตกลงนี้ได้โยกย้ายข้อความว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน จากที่ในร่างก่อนๆ เคยอยู่ในส่วนแกนกลางซึ่งจะมีผลผูกพันตามกฎหมาย ไปอยู่ใน ภาคการตัดสินใจ ที่แยกออกมาต่างหากและไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.siamrath.co.th