facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]

โลกร้อน : ประเทศยากจนต้องเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไร

09 ส.ค. 64

ประเทศที่มีรายได้ต่ำกำลังเผชิญอุปสรรคในการป้องกันตนเองจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

               องค์กรต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัวแทนจาก 90 ประเทศระบุว่าแผนป้องกันความเสียหายจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เตรียมไว้ไม่ทันรับมือกับ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รุนแรงและถี่ขึ้นกว่าเก่า

               สหประชาชาติบอกว่า ประเทศที่มีแผนเตรียมปรับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสรุปว่าแผนเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงได้จริงหรือเปล่า

               "เราต้องปรับเปลี่ยนแผนเพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่แย่ลงเรื่อย ๆ แผนที่มีอยู่ไม่เพียงพอจะปกป้องผู้คนของเราแล้ว" โซนัม วังดี ประธานกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด (Least Developed Countries Group - LDC) กล่าว

               นี่เป็นการเรียกร้องก่อนที่คณะกรรมการด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติจะตีพิมพ์รายงานวิเคราะห์เรื่องโลกร้อนวันนี้ (9 ส.ค.) โดยรายงานนี้จะเป็นข้อมูลอ้างอิงสำคัญสำหรับการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ หรือ COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักรในเดือน พ.ย. นี้

ความโกลาหลในแถบแคริบเบียน

               เมื่อปีที่แล้ว ภูมิภาคแคริบเบียนต้องเผชิญกับพายุฤดูร้อน 30 ลูก สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นพายุเฮอร์ริเคน 6 ลูกด้วยกัน

               บนเกาะที่ตั้งของประเทศแอนติกาและบาร์บูดา ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าอาคารหลายหลังไม่สามารถต้านทานลมแรงที่มากับพายุเหล่านี้ได้

               "เราเคยเห็นแต่พายุเฮอร์ริเคนระดับ 4 ดังนั้นนั่นคือสิ่งที่เราเตรียมไว้ในแผนปรับตัว แต่ตอนนี้เราถูกพายุเฮอร์ริเคนระดับ 5 พัดถล่มเข้าใส่แล้ว" ไดแอน แบล็ค เลย์เนอร์ หัวหน้าผู้เจรจาด้านสภาพภูมิอากาศของกลุ่มรัฐเกาะขนาดเล็ก (Alliance of Small Island States) กล่าว

               เธอบอกว่าเฮอร์ริเคนระดับ 5 ทำให้เกิดลมแรงถึง 180 ไมล์ต่อชั่วโมงซึ่งหลังคาอาคารไม่สามารถรับมือได้เพราะมันสร้างความกดอากาศแรงขึ้นภายในตัวอาคารด้วย

กำแพงกั้นคลื่นทลายในหมู่เกาะแปซิฟิก

               ประเทศที่ตั้งบนเกาะหลายแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิกโดนพายุไซโคลน 3 ลูกถล่มระหว่างกลางปี 2020 ถึงเดือน ม.ค. 2021

               "หลังจากไซโคลน 3 ลูกนั้น ชุมชนในภาคเหนือของประเทศเราพบว่ากำแพงกั้นคลื่นที่สร้างขึ้นตามแผนในการปรับตัว พังทลายไป" วานี คาตานาซิกากล่าว เขาเป็นหัวหน้าคณะกรรมการบริการสังคมของฟิจิ ซึ่งเป็นกลุ่มตัวแทนขององค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สังกัดสภาเพื่อการจัดการภัยพิบัติของประเทศ

               เขาบอกว่าคลื่นและลมโหมเข้าไปยังที่ตั้งถิ่นฐานจนทำให้คนในพื้นที่บางส่วนต้องอพยพหนี

               แม้ว่าการเกิดพายุหลายลูกในช่วงสั้น ๆ แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าพายุทะเลรุนแรงมากขึ่นเรื่อย ๆ

               รายงายวิจัยหลายชิ้นชี้ว่าพายุไซโคลนฤดูร้อนรุนแรงมากขึ้นในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องความถี่ของพายุ

ภูเขาในยูกันดา

               ในยูกันดา ผู้คนในแถบเทือกเขารเวนซอรี ต้องเผชิญกับเหตุดินถล่มและน้ำท่วมแม้จะพยายามป้องกันด้วยการขุดคูดินและปลูกต้นไม้

               "ฝนตกหนักมากจนเราเห็นน้ำท่วมใหญ่ที่หนักและกะทันหันพัดทำลายสิ่งที่สร้างและปลูกขึ้นมาเพื่อพยายามป้องกัน" แจ็คสัน มูฮินโด ผู้ประสานด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของมูลนิธิอ็อกซ์แฟม (Oxfam) กล่าว

                เขาบอกว่า ผลคือทำให้เกิดเหตุดินถล่มหลายครั้งจากเนินเขาซึ่งเข้าไปกลบทับที่อยู่อาศัยและไร่นาของคน เขาบอกว่าการป้องกันด้วยการอนุรักษ์ดินหมดประโยชน์ลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเจอสภาพอากาศที่รุนแรงแบบนี้

การปรับตัวไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด

               สหประชาชาติบอกว่า มากกว่า 80% ของประเทศกำลังพัฒนาเริ่มคิดและบังคับใช้แผนปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว

               อย่างไรก็ดี งานวิจัยโดยสถาบันนานาชาติเพื่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (International Institute for Environment and Development) บอกว่า 46 ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดในโลกไม่มีเงินทุนในการปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

               สถาบันนานาชาติเพื่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาบอกว่า ประเทศเหล่านี้ต้องการเงินอย่างน้อย 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ​ต่อปีในการทำตามแผนปรับตัว แต่ระหว่างปี 2014 ถึง 2018 พวกเขาได้เงินแค่ 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

               สหภาพยุโรปและประเทศพัฒนาแล้วอีก 23 ประเทศ สัญญาว่าจะให้ทุนช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนา 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี ตัวเลขล่าสุดชี้ว่าพวกเขายังให้ได้แค่ 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

               รายงานโดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี ระบุว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วให้เงินถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นทุนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ "climate finance" อย่างไรก็ดี มีการพบว่า ในจำนวนนั้น มีเพียง 21% เท่านั้นที่ให้ใช้เพื่อปรับตัวรับมือกับผลกระทบกับสภาพภูมิอากาศ ขณะที่ส่วนใหญ่ถูกใช้สำหรับมาตรการลดการปล่อยคาร์บอน

               คาร์ลอส อกิลาร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับตัวรับมือกับสภาพภูมิอากาศของอ็อกซ์แฟมบอกว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดของรัฐบาลเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาอื่นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการของรัฐ ความยากจน และโควิด-19

ที่มา: www.bbc.com/thai