ในช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีความก้าวหน้าสำคัญประการหนึ่งเกี่ยวกับการลดก๊าซเรือนกระจก ผ่านความร่วมมือระดับทวิภาคีที่จะมีส่วนช่วยดึงการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น มาสนับสนุนเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำในประเทศไทย ความร่วมมือทวิภาคีไทย-ญี่ปุ่นนี้ เรียกว่า “กลไกเครดิตร่วม Joint Crediting Mechanism” หรือ JCM ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ประเทศไทย จัดทำความร่วมมือทวิภาคี JCM ดังกล่าว ร่วมกับประเทศญี่ปุ่น ในพิธีลงนามความร่วมมือ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2558 โดยมี พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ลงนาม และ นางทามาโยะ มารุกาวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ร่วมลงนาม ณ กระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น กรุงโตเกียว โดยมีสักขีพยานของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม ได้แก่ นายมาโกโตะ โอนิกิ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม นายภควัต ตันสกุล อุปทูตประจำกรุงโตเกียว นายบวร สัตยาวุฒิพงศ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายอุตสาหกรรม และนางประเสริฐสุข จามรมาน ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
ภายหลังการลงนามความร่วมมือ สิ่งที่ประเทศไทยได้เร่งดำเนินการ คือ จัดตั้ง “คณะกรรมการร่วม” ขึ้น เพื่อทำหน้าที่พิจารณาโครงการในประเทศไทยที่เสนอขึ้นมาว่าสามารถลดก๊าซเรือนกระจกลงได้เท่าใด รวมทั้งขึ้นทะเบียนโครงการ และรับรองปริมาณคาร์บอนเครดิตที่เกิดขึ้น จากนั้น คณะกรรมการร่วม จะมีหน้าที่สำคัญอีกประการ คือ ทำหน้าที่ “แบ่งสรร คาร์บอนเครดิต” ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ลงทุนโครงการฝ่ายไทยกับฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งประเทศไทยได้มีการจัดตั้ง สำนักเลขาธิการกลไก JCM ประเทศไทย ขึ้นโดยมี องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ทำหน้าที่สำนักเลขาธิการกลไก JCM เพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดการลงทุนเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ ผ่านกลไก JCM และเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการร่วม
ภายใต้กลไก JCM ญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและการเงิน ไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ ซึ่งในระยะเริ่มต้น มีโครงการต้นแบบของไทยที่ได้รับคัดเลือกจากรัฐบาลญี่ปุ่น ในปี 2558 จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการลดก๊าซเรือนกระจกในโรงงานทอผ้า โดยใช้เครื่องทอผ้าประหยัดพลังงาน 2) โครงการผลิตไฟฟ้า ด้วยแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ติดตั้งบนหลังคาโรงงาน 3) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานของเครื่องปรับอากาศและตู้แช่เย็น ในร้านสะดวกซื้อ 4) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ของระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในโรงงานผลิตอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ และโครงการล่าสุดที่ได้รับแจ้งจากรัฐบาลญี่ปุ่น คือ 5) โครงการติดตั้งระบบผลิตพลังงานร่วม (ไฟฟ้าและความร้อน) สำหรับโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจาก 5 โครงการนี้ คาดว่าจะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 15,109 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เปิดเผยว่า “จากความร่วมมือของไทยและญี่ปุ่นครั้งนี้ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากกลไก JCM หลายประการ ทั้งเงินลงทุนที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะสนับสนุนให้ภาคเอกชนไทย ซึ่งจากโครงการต้นแบบ 4 แห่ง เราได้รับแจ้งจากทางญี่ปุ่นแล้วว่า จะได้รับเงินสนับสนุน 435 ล้านบาทให้กับภาคเอกชนในประเทศไทย เพื่อเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับสูงจากญี่ปุ่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดต้นทุนการผลิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศ ไปในทิศทางของการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมคาร์บอนต่ำต่อไป”
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.energysavingmedia.com