facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 833

'โอบามา-สีจิ้นผิง' ขึ้นเวทีชวนลดโลกร้อน นายกฯอินเดียกระทุ้งชาติมั่งคั่งแสดงสปิริต

30 พ.ย. 58

ผู้นำจากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก เริ่มต้นความพยายามในการยับยั้งอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ โดยอเมริกาและจีนนำทีมเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อนำเศรษฐกิจโลกให้หลุดพ้นจากการพึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างน้ำมัน,ก๊าซ, ถ่านหิน กระนั้น ประเทศกำลังพัฒนาเริ่มตั้งป้อมตีกันตั้งแต่วันแรก โดยยืนยันว่า ชาติมั่งคั่งควรรับผิดชอบภาระการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า

วันจันทร์ (30 พ.ย.) เป็นวันแรกของการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เป็นแม่งาน และจัดขึ้นเป็นเวลา 12 วันที่ศูนย์ประชุมเลอ บูร์เกต์ ทางเหนือของปารีส ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาหลังเหตุโจมตีเมืองหลวงของฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 13 เดือนที่ผ่านมา ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นานาชาติต้องการผลักดันข้อตกลงลดโลกร้อนให้ลุล่วงเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากปราศจากมาตรการเร่งด่วนในการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มนุษยชาติจะต้องเผชิญกับอุทกภัย ความแห้งแล้ง พายุ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลครั้งเลวร้ายที่สุด ซึ่งคุกคามทำให้ประชากรโลกนับล้านหิวโหย เจ็บไข้ และต้องย้ายถิ่นฐาน ประเทศเกาะบางแห่งอาจจมหายไปในทะเล

ซัมมิตครั้งนี้จึงมีจุดประสงค์ในการหาทางป้องกันไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นมากกว่า 2 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

ยูเอ็นระบุว่า การประชุมในวันจันทร์ถือเป็นงานที่มีประมุขรัฐหรือรัฐบาลมารวมตัวกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นอย่างกว้างขวางในการจัดการกับปัญหาโลกร้อน

การประชุมสุดยอดครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นด้วยการยืนไว้อาลัย 1 นาทีให้แก่เหยื่อ 130 คนในเหตุโจมตีปารีสเมื่อเดือนที่แล้ว

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ ขึ้นเวทีประกาศความมุ่งมั่นของอเมริกาและเรียกร้องให้ชาติอื่นๆ ร่วมรับผิดชอบต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเตือนว่า ขณะนี้ เกือบสายเกินไปแล้ว

ความคิดเห็นดังกล่าวได้รับการตอกย้ำจากสันตะปาปาฟรานซิส ที่ทรงให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางกลับจากแอฟริกาว่า ปัญหาโลกร้อนเลวร้ายลงทุกปี และโลกมาถึงขอบเขตสุดท้ายแล้ว ซึ่งหากยังไม่ลงมือแก้ไข อาจมีผลเท่ากับการฆ่าตัวตาย

ระหว่างที่ซัมมิตนี้เริ่มต้น เมืองหลวงของจีนและอินเดีย สองประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในโลก กำลังถูกปกคลุมด้วยหมอกควันพิษ เฉพาะปักกิ่งนั้นมีการเตือนภัยสูงสุดระดับที่ 2 มาหลายวันแล้ว

ก่อนหน้าขึ้นปราศรัย ผู้นำสหรัฐฯ ได้หารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เพื่อเน้นย้ำการเป็นพันธมิตรของสองประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดของโลก ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วด้วยการลดการพึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยวิธีการและจังหวะเวลาที่ต่างฝ่ายกำหนดเอง

มื่อถึงคิวสีขึ้นเวที ประมุขแดนมังกรย้ำความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนรปิมาณสูงสุดในปี 2030

อย่างไรก็ดี สียืนกรานว่า ประเทศมั่งคั่งต้องรับผิดชอบมากกว่าในการลดอุณหภูมิโลก เนื่องจากประเทศกำลังพัฒนายังมีภาระหนักในการลดความยากจนและยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชน

ประธานาธิบดีจีนเรียกร้องให้ชาติร่ำรวยทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในปี 2009 ในการร่วมสนับสนุนเงินทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2020 เพื่อช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศยากจน

ทั้งนี้ ขณะที่ประเทศยากจนยืนกรานให้ชาติมั่งคั่งแบกรับภาระมากที่สุดในการจัดการกับภาวะโลกร้อน เนื่องจากเป็นผู้เผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิลมากที่สุดนับจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความร่ำรวย แต่อเมริกาและประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ แย้งว่า จีน อินเดีย และประเทศตลาดเกิดใหม่ชั้นนำอื่นๆ ที่เผาผลาญถ่านหินระหว่างผลักดันเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ควรร่วมรับผิดชอบมากขึ้น

ประเด็นขัดแย้งนี้ถูกตอกย้ำจากนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ที่บอกว่า อินเดียจะยังคงซื้อถ่านหินราคาถูกที่มีอยู่มากมายใช้ต่อไประหว่างการพยายามขจัดความยากจนของประชาชน พร้อมย้ำว่า ประเทศพัฒนาแล้วควรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นและเร็วขึ้น

ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบจากซิมบับเว ผสมโรงประณามประเทศพัฒนาแล้ว “ขี้เหนียว” จากการพยายามยัดเยียดภาระลดโลกร้อนที่ตัวเองสร้างขึ้นให้ชาติยากจนรับผิดชอบ

ด้านประธานาธิบดีโบลิเวีย อิโว โมราเลส โจมตีว่า ความโลภของระบอบทุนนิยมกำลังนำโลกสู่ความวิบัติ

นอกเหนือจากนี้ ยังมีประเด็นขัดแย้งที่เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุข้อตกลงอีกมากมาย รวมถึงการจัดหาเงินทุนให้แก่ประเทศยากจนที่เสี่ยงได้รับผลกระทบรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การถ่ายโอนเทคโนโลยีพลังงานทดแทนให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา ระบบตรวจสอบความมุ่งมั่นในการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสถานะทางกฎหมายของข้อตกลงที่จะเกิดขึ้น


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.manager.co.th